สมัยนี้ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับการบำรุงผิวเฉพาะจุดมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณผิวรอบดวงตา เพราะการที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีทั่วทั้งใบหน้านั้น ต้องเน้นบำรุงเฉพาะจุดเข้าไปด้วย ซึ่งดวงตาก็เป็นจุดสำคัญที่หนึ่งบนใบหน้าหรือแทบจะเป็นจุดโฟกัสจุดสำคัญซะเลยด้วยซ้ำที่ผู้คนหรือคู่สนทนาของเราจะจดจ้องเป็นลำดับแรก ดังนั้นเพื่อต้องการให้รอบดวงตาดูสดใสมีชีวิตชีวาก็ควรหมั่นดูแลอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังบำรุงใต้ตาแบบผิดวิธี ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เกิดประสิทธิภาพดีเท่าที่ควร แล้วพฤติกรรมแบบไหนล่ะที่เป็นการบำรุงที่ผิดวิธี วันนี้เรามีคำตอบค่ะ
เหตุผลที่ทำให้การบำรุงผิวไม่ได้ประสิทธิภาพ
- เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้
ก่อนที่จะไปดูวิธีการบำรุงแบบผิด ๆ เรามาเริ่มที่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันก่อนดีกว่าค่ะ เพราะนี่จะเป็นด่านแรกและเมนหลักในการบำรุงผิวเลยก็ว่าได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้บางชนิดอาจไม่เหมาะกับผิวใต้ตา หรือผลิตภัณฑ์บางตัวอาจมีสารหรือส่วนประกอบที่มีความเข้มข้นสูง ไม่อ่อนโยนต่อผิว ส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ยิ่งมากไปกว่านั้นยังส่งผลให้ผิวใต้ตาเกิดอาการแพ้ ทำให้บริเวณผิวรอบดวงตามีความคล้ำหรือเกิดริ้วรอยมากขึ้นกว่าเดิม เพราะบริเวณผิวรอบดวงตาค่อนข้างบอบบางมาก ผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุงควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และควรเช็กให้แน่ใจก่อนว่าเราไม่แพ้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้อย่างแน่นอน
- วิธีการดูแลแบบผิด ๆ
อย่างต่อมาคือ การบำรุงผิวแบบผิดวิธี และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้การบำรุงผิวไม่ได้ประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ต่อให้เราจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีราคาสูงมากแค่ไหน หรือจะบำรุงสม่ำเสมอยังไง หากเป็นการบำรุงที่ผิดวิธี สิ่งที่เราทำมาก็อาจจะศูนย์เปล่าได้นะคะ เพราะฉะนั้นมาดูกันดีกว่าค่ะว่าพฤติกรรมการบำรุงผิวแบบไหนที่เป็นการบำรุงแบบผิด ๆ
- ความไม่สม่ำเสมอ การบำรุงรักษาไม่ว่าจะด้านใดก็ตามต้องอาศัยความขยันและความอดทนเป็นอย่างมากในการบำรุง เพราะไม่ใช่ว่าวันสองวันจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย แต่การบำรุงต้องใช้ความสม่ำเสมอในการทา และต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูด้วยค่ะ ยิ่งถ้าเราไม่มีความสม่ำเสมอในการบำรุง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งเห็นช้า ครีมบางตัวก็ควรทาทุกวันเป็นประจำ แต่การมาส์กใต้ตาอาจจะไม่ต้องทำทุกวันเหมือนการทาครีม เซรั่มก็ได้ แต่ควรมาส์กอย่างน้อย 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสภาพผิวรอบดวงตาค่ะ
- ไม่รู้หลักขั้นตอนในการทา ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวที่ใช้บำรุงใบหน้าก็ย่อมมีเนื้อครีมที่แตกต่างกันออกไป บางตัวก็เป็นเนื้อครีมบางเบา บางตัวก็เป็นเนื้อครีมหนาเข้มข้น ซึ่งหากเราไม่ลงตามลำดับขั้นตอนก็อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ทาอยู่บนหน้าเราลดลงได้ และตัวครีมที่ทาบริเวณรอบดวงตามักจะเป็นเนื้อครีมที่อ่อนโยนบางเบา แนะนำให้ทาก่อนที่จะลงครีมกันแดด Moisturizer เพราะหากทาหลังผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อครีมหนาแน่น ตัวอายครีมที่มีเนื้อบางเบาอาจจะไม่ซึมเข้าผิวหนังรอบดวงตาได้
- การใช้แผ่นมาส์กแบบผิด ๆ ถึงแม้ว่าการมาส์กใต้ตาจะเป็นวิธีนึงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่รู้ไหมคะว่าหากเรามาส์กเป็นเวลานานเกินไปก็ย่อมส่งผลเสียให้กับผิวหนังรอบดวงตาได้ค่ะ เพราะเมื่อแผ่นมาส์กแปะอยู่กับผิวเราเป็นเวลานานเกินกว่ากำหนดจากที่มันจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวเรา ก็จะกลายเป็นดูดความชุ่มชื้นออกจากผิวเราไปแทน ซึ่งก่อให้เกิดผิวแห้งได้ง่าย ๆ เลยค่ะ และที่สำคัญแผ่นมาส์กควรใช้แค่ครั้งเดียว ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำนะคะ
- ลงน้ำหนักในการทามากเกินไป เพราะบริเวณใต้ตานั้นเป็นบริเวณที่สำคัญและบอบบางเป็นอย่างมาก การออกแรงทาในน้ำหนักที่มากเกินไป ไม่ส่งผลดีต่อดวงตาของเราอย่างแน่นอนค่ะ อีกทั้งยังจะทำให้บริเวณรอบดวงตาเกิดความบอบช้ำ มีรอยคล้ำรอยแดงเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นถนอมผิวใต้ตาสักนิดนะคะสาว ๆ
ผลที่ตามมาจากการบำรุงผิวแบบผิด ๆ
จากที่มันควรจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจากการที่เราบำรุงผิว แต่เมื่อมันเป็นการบำรุงแบบผิด ๆ ก็ย่อมทำให้ประสิทธิภาพลดลง หรือเห็นผลลัพธ์ได้ช้าลง เพราะการบำรุงไม่ว่าจะด้านไหนก็ตามต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่ถ้าเราบำรุงแบบผิดวิธี นอกจากจะไม่เห็นผลแล้วยังทำให้เราเสียเวลาและเสียเงินไปกับผลิตภัณฑ์โดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นอาจส่งผลให้ผิวรอบดวงตาเรามีอาการแพ้และเกิดรอยคล้ำมากขึ้นกว่าเดิม เพราะผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นก็มีขั้นตอนและวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ควรอ่านฉลากที่ผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนใช้เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
และนี่ก็เป็นข้อเสียและพฤติกรรมของการบำรุงใต้ตาที่ผิดวิธี หากใครที่กำลังคุ้นเคยกับการกระทำที่เราได้กล่าวไปนั้น หากไม่อยากเสียเวลาและเสียเงินไปกับผลิตภัณฑ์โดยเปล่าประโยชน์และไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดี แนะนำให้เลิกอย่างด่วนจี๋!! และถ้าใครอยากให้การบำรุงนั้นไม่เสียเปล่า แนะนำให้บำรุงผิวอย่างถูกต้องและต้องทำอย่างสม่ำเสมอนะคะ ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลานานสักหน่อยแต่ได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่อยากเสียเวลาไปกับการบำรุงผิว หรือการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน เราก็มีอีกหนึ่งวิธีที่จะมาแนะนำให้ทุก ๆ คน มองไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกนั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ขอบอกเลยว่าวิธีนี้ได้รับการการันตีว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และเห็นผลเร็วที่สุดด้วยค่ะ เพราะนวัตกรรมที่ทันสมัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ มีริ้วรอย และร่องลึก อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มคอลลาเจนที่หายไปให้กลับมาเต่งตึง กระจ่างใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง คราวนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลากับการบำรุงผิวหรือการไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟู สาว ๆ สามารถกลับมาสวยใสอย่างมั่นใจได้หลังฉีดเสร็จ เพราะการฉีดใต้ตานั้นสามารถเห็นผลได้ทันที แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยนะคะ ขอบอกเลยว่าวิธีนี้คุ้มค่าและปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ แต่!! ข้อแนะนำที่อยากจะฝากไว้ก็คือ วิธีนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงในด้านนี้เท่านั้น และควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงเพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์!