สายตาสื่ออารมณ์

สายตาสื่ออารมณ์

‘‘ ดวงตาเป็นหน้าต่างของความรู้สึก ’’ ประโยคนี้ไม่เกินจริงเลยค่ะ เพราะว่าดวงตาก็เป็นหนึ่งอวัยวะที่บ่งบอกถึงความรู้สึกของบุคคลนั้นได้อย่างดีเลยทีเดียว หากคุณกำลังทุกข์ใจอยู่สายตาก็จะแสดงออกอย่างชัดเจน อย่างที่เขาว่ากันว่าสายตามันโกหกกันไม่ได้ แต่การใช้สายตาในแต่ละแบบจะบ่งบอกความหมายหรือความรู้สึกอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ

สายตาส่งต่อความรู้สึกออกไปได้อย่างไร

สายตาส่งออกความรู้สึกออกไปได้อย่างไร

การสังเกตอาการหรือความรู้สึกผ่านม่านสายตา ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะสังเกตความรู้สึกของคู่สนทนาเราได้ว่าคนเหล่านั้นกำลังรู้สึกอะไรอยู่ค่ะ

สายตาที่แสดงความสดใสจะเป็นสายตาที่เปล่งประกายดูมีชีวิตชีวา อาจสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นหรือสร้างบรรยากาศที่ดีในการสนทนาได้ และเมื่อเรายิ้มหรือกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขละก็ ดวงตาเราจะหยีขึ้นจนแทบจะเป็นตัวสระอิเลยล่ะค่ะ

สายตาที่มีความทุกข์ใจแววตาจะมีความเศร้าหมอง หรืออาจมีน้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตา บ่งบอกถึงความรู้สึกทุกข์ใจหรือกำลังเสียใจ ชวนให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกสงสารหรือเกิดความทุกข์ใจตามไปด้วย

สายตาอ้อนวอนสายตาวิงวอนหรือดวงตาฉ่ำประกายและห่อคิ้วเล็กน้อย เป็นสายตาที่ใช้มองคู่สนทนาเพื่อต้องการ หรือข้อร้องให้ช่วยบางสิ่งบางอย่าง

สายตาที่รู้สึกถึงความสนใจหรือชอบสายตาจะโฟกัสหรือจดจ้องอยู่กับสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึก สามารถมองได้ทั้งกับสิ่งที่ชอบหรือคนที่ชอบ ยิ่งหากเรารู้สึกสนใจหรือชอบมากเป็นพิเศษ แววตาของเราจะดูอ่อนโยนและละมุนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สายตาที่บ่งบอกถึงความกลัวสายตาจะไม่โฟกัสต่อสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกในตอนนั้น อาจจะเป็นการหลบสายตาไปทางอื่น หรือมองลงต่ำ บางคนม่านตาจะมีความสั่นไหว ว่อกแว่ก ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่ากำลังตื่นกลัวกับบางสิ่งบางอย่าง

สายตาที่แสดงความไม่พอใจแววตาดุดัน แข็งกร้าว หรืออาจมีลักษณะชำเลืองไปที่หางตาเล็กน้อย เพื่อแสดงความไม่พึงพอใจหรือหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่กล้าพูดหรือไม่กล้าเข้าหาได้ค่ะ

สายตาที่แสดงความตกใจ มีลักษณะดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นความรู้สึกจากบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ทันตั้งตัว

ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรานำมาฝากให้ทุก ๆ คนได้ลองนำไปสังเกตคนรักหรือคู่สนทนาของเรากันค่ะ แต่ทุกคนรู้ไหมคะว่าดวงตาที่สดใสก็ไม่ใช่เพียงแค่แววตาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบริเวณรอบดวงตาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะหากพูดถึงดวงตาก็หมายถึงบริเวณที่อยู่โดยรอบของดวงตาทั้งหมดด้วยค่ะ เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมักจะอยู่ที่บริเวณส่วนใต้ตา ฉะนั้นเราจึงต้องดูแลทุกส่วนบริเวณรอบดวงตาให้กระจ่างใส ไม่หมองคล้ำอยู่เสมอ หากเราไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับใต้ตาก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเรามีปัญหาใต้ตาด้วย เช่น มีถุงใต้ตา มีความหมองคล้ำ มีร่องน้ำตาหรือริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตา รวมถึงปัญหาความหย่อนคล้อยก็อาจจะทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่าใบหน้าของเรามีความเหนื่อยล้า อิดโรย ดูโทรม ไม่มีชีวิตชีวาหรือรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่า ณ ตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้รู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ปัญหาเหล่านี้มักทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิดได้เช่นกันค่ะ การดูแลผิวบริเวณใต้ตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง แต่เราจะทำอย่างไรให้ใต้ตาของเราดูมีสุขภาพดีกันล่ะ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ

ทำความเข้าใจก่อนว่าปัญหาเกิดจากปัจจัยใด เมื่อเรารู้ว่าเรามีปัญหาใต้ตาแต่ไม่ได้ทำความเข้าใจกับปัญหาก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ เพราะฉะนั้นนอกจากที่เราจะต้องมานั่งเช็คตัวเองแล้วยังต้องศึกษาทำความเข้าใจสาเหตุของปัญหาด้วยค่ะ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร ซึ่งก็อาจจะเกิดจากการใช้ชีวิตของเราเอง ทั้งการขยี้ตา การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การทำให้ผิวถูกกับแสงแดดอยู่บ่อย ๆ จากกรรมพันธุ์ หรือจากโรคภัยไข้เจ็บ

หาหนทางแก้ไขปัญหา เมื่อเราเข้าใจถึงสาเหตุแล้วก็มาสู่ขั้นตอนของการหาหนทางหรือวิธีการแก้ไขปัญหาค่ะ ซึ่งวิธีการแก้ไขที่เราอยากจะแนะนำวิธีแรกคือ เริ่มจากตัวเรานั่นก็คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ทานผักและผลไม้ที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูสุขภาพใต้ตา นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงดวงตาของเราได้อีกด้วย วิธีต่อมาคือการหมั่นบำรุงผิวรอบดวงตาไม่ว่าจะด้วยการมาส์กใต้ตา หรือการใช้อายครีม เซรั่มมาบำรุงชั้นผิวรอบดวงตา การใช้น้ำแข็งเพื่อประคบเย็นหรือการนวดกดจุดก็สามารถช่วยได้นะคะ แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานหน่อยกว่าจะฟื้นฟูให้กลับมาดีขึ้นได้ ซึ่งก็อาจจะไม่ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ และวิธีสุดท้ายที่ต้องพึ่งเทคนิคทางการแพทย์และยังได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคนี้เลยนั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตัวนี้แหละค่ะที่จะมาช่วยแก้ปัญหารอบดวงตาให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวา จากใบหน้าที่ดูอิดโรย อ่อนเพลียที่เกิดจากความหย่อนคล้อย หรือความหม่นหมองที่เกิดจากความคล้ำของใต้ตา วิธีนี้สามารถเก็บทุกปัญหาได้อย่างอยู่หมัดเลยทีเดียวกับนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับผิวรอบดวงตาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะมาเสกผิวรอบดวงตาให้กลับมาเต่งตึง ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะส่งสายตาบ่งบอกถึงความรู้สึกอะไรก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปค่ะ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องรอพักฟื้นเป็นเวลานานอีกด้วย แต่วิธีนี้ควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

ไม่ว่าจะเป็นดวงตาหรือใต้ตาก็มีผลต่อความรู้สึกกับคู่สนทนาของเราทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะส่งสายตาแบบไหนคู่สนทนาเราก็ย่อมรู้สึกได้ แต่หากว่าเรามีปัญหาใต้ตา สายตาที่ส่งทอดออกไปอาจจะเป็นความอิดโรย เหนื่อยล้า หม่นหมองเสียมากกว่า ดังนั้นใครว่าใต้ตาไม่สำคัญล่ะคะ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วนอกจากจะหมั่นดูแลดวงตาแล้ว อย่าลืมหันมาสนใจใต้ตาของเราให้มีสุขภาพดีกันบ้างนะคะ

เว็บไซด์ bestfillerclinic.com เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก