ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
ฟิลเลอร์แก้มส้ม

ก่อนจะเลือกฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มที่ไหนดีให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีและมีราคาถูก เราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีด filler แก้มส้มอย่างละเอียดก่อน ซึ่งเชื่อเลยว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าแก้มส้มคืออะไร ในวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันอย่างหมดเปลือก สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลอยู่ รับรองว่าบทความนี้มีคำตอบสำหรับทุกข้อสงสัยแน่นอนค่ะ

เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

แก้มส้ม คืออะไร

ก่อนจะไปทำความรู้จักอย่างละเอียด เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าหัตถการนี้ไม่ได้ฉีดเพื่อทำให้แก้มเป็นสีส้มนะคะ แต่แก้มส้มเป็นชื่อที่ใช้เรียกตำแหน่งของแก้มที่อยู่ระหว่างหางคิ้วกับปลายจมูก บริเวณจุดรอยต่อระหว่างใต้ตากับแก้ม นับเป็นบริเวณส่วนกลางของใบหน้า หรือที่เรียกว่า Midface

สาเหตุที่เรียกแก้มตรงส่วนนี้ว่าแก้มส้ม อันที่จริงมันมีที่มาจากคำว่า “แก้มลูกส้ม” ค่ะ เพราะแก้มตรงส่วนนี้จะโค้งนูนขึ้นมาคล้ายผลส้ม เมื่อหันใบหน้า 45 องศา จะทำให้มองเห็นใบหน้าด้านข้างเป็นตัว S (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเรียกว่า Ogee curve หรือ S curve) การมีแก้มส้มจึงช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติ ไม่แบนราบ ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลงเวลายิ้มนั่นเองค่ะ

ฟิลเลอร์แก้มส้ม คืออะไร

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมโทรมของร่างกายจะส่งผลให้ไขมันบนใบหน้าเคลื่อนตัวลงด้านล่าง จนทำให้เกิดเป็นปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ร่องลึกบริเวณใต้ตาและร่องแก้มชัดขึ้น ซึ่งฟิลเลอร์แก้มส้ม คือ การแก้ปัญหาด้วยการฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิดเข้าไปทดแทนชั้นไขมันบนใบหน้าที่หายไป ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งค่ะ

การทำหัตถการนี้ แพทย์จะฉีดตัวยาเข้าไปบริเวณหน้าแก้มเพื่อช่วยยกกระชับใบหน้า ด้วยความที่สารไฮยาลูรอนิค แอซิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารประกอบคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์ มันจึงทำหน้าที่ทดแทนชั้นไขมันและทดแทนคอลลาเจนตามธรรมชาติที่ร่างกายสามารถผลิตได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น จึงนับเป็นวิธีแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้อย่างตรงจุดค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยอะไร

ใบหน้าในอุดมคติที่ใครหลายคนอยากมี คือ ใบหน้าที่มีสัดส่วนพอเหมาะและมีความสมดุล ด้วยความที่แก้มส้มเป็นตำแหน่งที่อยู่บริเวณส่วนกลางของใบหน้า ทำให้เป็นจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดที่สุด ซึ่งถ้าบริเวณแก้มส้มเกิดการยุบตัวหรือหย่อนคล้อยลง ใบหน้าโดยรวมของเราก็จะดูโทรม ดูแก่กว่าวัยทันทีค่ะ

ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มจึงช่วยเติมเต็มใบหน้าบริเวณที่ชั้นไขมันเกิดการยุบตัวลง รวมถึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาอิ่มฟู ดูสุขภาพดี ริ้วรอยบริเวณร่องแก้มและร่องใต้ตาดูตื้นขึ้น ใบหน้าจึงดูสดใส ดูอ่อนเยาว์ลงค่ะ

บริเวณ Midface สำคัญอย่างไร

Midface คือ ตำแหน่งกึ่งกลางของใบหน้า นับตั้งแต่คิ้วจนถึงปลายจมูก เป็นจุดรอยต่อของตาและแก้ม เหตุที่บริเวณนี้นับเป็นส่วนสำคัญเพราะมันเป็นบริเวณกึ่งกลางใบหน้าที่มองเห็นได้ชัดที่สุด เป็นดั่งภาพลักษณ์ของใบหน้า

แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ กับผิวบริเวณนี้ เกิดจากเมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันและกระดูกที่คอยยกกระชับใบหน้าของเราจะค่อย ๆ กร่อนตัวหรือฝ่อลง ทำให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย เกิดเป็นร่องลึก แก้มตอบ ทำให้ใบหน้าดูโทรม ดูแก่ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้มส้มเป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปทดแทนกระดูกและชั้นไขมันที่เสื่อมสลาย ทำให้กึ่งกลางใบหน้ากลับมาเต็มอิ่ม ช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้น อันส่งผลให้ภาพรวมของใบหน้าดูดี ดูอ่อนเยาว์ลงนั่นเองค่ะ

ใครควรฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มสามารถทำได้ทุกเพศค่ะ เนื่องจากเป็นการฉีดเพื่อยกกระชับ ปรับให้ใบหน้าดูมีมิติและอ่อนเยาว์ลง เหมาะสำหรับ

  • คนที่มีปัญหาใบหน้าแบนราบเมื่อมองจากด้านข้าง
  • คนที่มีปัญหาแก้มแบน แก้มตอบ แก้มยุบจนทำให้ใบหน้าดูโทรม
  • คนที่มีปัญหาโหนกแก้มสูง
  • คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบนใบหน้าจนเกิดเป็นร่องแก้ม ร่องลึกใต้ตา
  • คนที่มีปัญหาไขมันบริเวณแก้มหดตัวจากอายุที่มากขึ้น
  • คนที่อยากปรับรูปหน้าให้มีมิติ ดูอิ่มเอิบมากขึ้น
  • คนที่ต้องการปรับโหงวเฮ้งบนใบหน้า (ตามความเชื่อของศาสตร์จีน บริเวณแก้มส้มจะช่วยเสริมโหงวเฮ้งด้านการเงิน)

การเลือกยี่ห้อฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มที่เหมาะสม

เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นการเรียกโดยรวมของการเติมฟิลเลอร์ลงไปยังบริเวณหน้าแก้มที่ไขมันมีการยุบตัวลงไป ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดี แต่ควรจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีนั้น ซึ่งฟิลเลอร์ที่แนะนำสำหรับฉีดในการทำหัตถการจะมีดังนี้

Restylane

Restylane

เป็นสารเติมเต็มที่นำเข้าจากประเทศสวีเดน โดดเด่นในเรื่องขนาดของโมเลกุลที่ทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติใช้งานได้หลากหลาย ทั้งยังเป็นยี่ห้อที่ถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางโมเลกุลให้มีความใกล้เคียงกับสารไฮยาลูรอนในร่างกายมนุษย์มากที่สุด โอกาสแพ้จึงมีน้อยมาก

รุ่นที่เหมาะสำหรับฉีด filler แก้มส้มก็มีด้วยกันหลายรุ่น ยกตัวอย่างเช่น Restylane Perlane Lyft เนื้อจะมีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดี ซึ่งผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือนค่ะ

Juvederm

Juvederm

เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือ เนื้อจะมีความเรียบเนียน ผลิตด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น ทำให้ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน

รุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีด filler แก้มส้ม ยกตัวอย่างเช่น Juvederm Voluma ซึ่งเป็นรุ่นที่มีเนื้อแข็งและมีความฟูปานกลาง โมเลกุลมีขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง ใช้ได้ทั้งการเติมร่องแก้ม คาง ขมับ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน

Belotero

Belotero

เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดนที่นำเข้าไทยโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ทั้งยังการันตีคุณภาพด้วยรางวัลด้านความงามจากยุโรปถึง 2 รางวัลด้วยกัน

รุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดแก้มส้ม ยกตัวอย่างเช่น  Belotero volume รุ่นนี้เนื้อจะมีความยืดหยุ่นและคงตัว สามารถแก้ปัญหาใบหน้าตอบจากการยุบตัวของกระดูก รวมถึงนิยมใช้เพื่อปรับรูปหน้า คาง และโหนกแก้ม ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือนค่ะ

Yvoire

YVOIRE

ฟิลเลอร์ที่พัฒนาโดยบริษัท LG Chem จากเกาหลีใต้ ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งไทย สหรัฐอเมริกาและยุโรป จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย

เป็น HA ที่ไม่ได้ผลิตมาจากสัตว์ ใช้เทคโนโลยีเฉพาะในการผลิต ทำให้ฉีดง่าย ผลลัพธ์ออกมาเรียบเนียน ซึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดแก้มส้ม ได้แก่ YVOIRE Contour คุณสมบัติคือ มีความคงตัวสูง ฉีดง่าย ไม่ย้อย ไม่เคลื่อนจากตำแหน่งฉีด ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน

Neuramis

Neuramis

เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล ผลิตโดยบริษัท Medyglobal และนำเข้าไทยโดยบริษัท Medyceles

รุ่นที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ในราคาย่อมเยา โดยรุ่นที่ผ่านการรับรองจาก Thai FDA ได้แก่  Neuramis Deep แบบไม่ผสมยาชา ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความคงตัวค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็มใบหน้าในชั้นลึก เช่น ขมับ คาง ร่องแก้ม แก้มตอบ เป็นต้น

ข้อดี - ข้อเสียของการฉีด Filler แก้มส้ม

ข้อดี – ข้อเสียของการฉีด filler แก้มส้มนี้ ได้แก่

ข้อดี

  • ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น เสริมให้ใบหน้ามีมิติ แก้มได้รูป โหนกแก้มโค้งมนสวย
  • เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด
  • ไม่ทิ้งบาดแผลหลังทำ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
  • เป็นวิธีที่สะดวก ใช้เวลาในการฉีดเพียงไม่กี่นาที
  • มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร แต่สามารถฉีดเพิ่มเพื่อคงผลลัพธ์ไว้โดยไม่เป็นอันตราย
  • ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ปลอมระบาดหนัก จึงควรพิจารณาดี ๆ ก่อนตัดสินใจทำ

ฉีดที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิกดีอย่างไร

ให้บริการด้วยมาตรฐานอาจารย์แพทย์ด้านฟิลเลอร์ นำทัพคุณภาพโดยอาจารย์หมอเมฆ อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง พร้อมด้วยตำแหน่งอาจารย์แพทย์ด้านฟิลเลอร์ที่มีประสบการณ์ด้านการวิเคราะห์ ประเมิน และออกแบบการรักษาตามหลักกายวิภาคศาสตร์ที่ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะที่นี่นอกจากเราจะมีการดีไซน์การรักษาแบบ case by case แล้ว เราก็ยังใช้เทคนิคเฉพาะที่มีแค่ Doctor Mek Clinic ที่เดียว! นั่นก็คือ “Triple Layers Lift” เป็นการรักษาโดยฉีดทั้งหมด 3 ระดับ พร้อมวางรากฐานไปจนถึงชั้นลึกสุดที่ต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญ และความแม่นยำ จึงจะสามารถฉีดได้ โดยแต่ละเคสแพทย์ก็จะฉีดในระดับชั้นผิวที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงปริมาณการใช้สารเติมเต็ม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เป็นก้อน บวมช้ำน้อย ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนการรักษา

มาพร้อมรางวัลยืนยันมาตรฐานด้านฟิลเลอร์กับรางวัลอันดับ 1 Single Clinic ที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดรวมทุกแบรนด์ในประเทศไทย 6 สมัยซ้อนตั้งแต่ปี 2018-2023 และรางวัลอันดับ 1 ยอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดในเอเชีย

ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ราคาเท่าไหร่

เราต้องขออธิบายก่อนว่าราคาในการฉีดของแต่ละบุคคล จะมีความแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยต่าง ๆ จึงทำให้แม้ฉีดบริเวณเดียวกัน แต่ราคาก็จะต่างกันออกไป ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ราคาต่างกัน มีดังนี้ค่ะ

  • ยี่ห้อ/รุ่นของสารเติมเต็มที่ใช้ เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ/แต่ละรุ่นมีราคาที่แตกต่างกัน
  • บริเวณที่ฉีด บางเคสจำเป็นต้องฉีดหลายจุดร่วมด้วยเพื่อแก้ไขปัญหา ทำให้ใช้ปริมาณฟิลเลอร์เยอะกว่าเคสที่ฉีดเพียงจุดเดียว
  • ปริมาณ cc ที่ฉีด ราคาฟิลเลอร์จะคำนวณเป็น cc ดังนั้นหากฉีดหลาย cc ราคาก็จะแพงขึ้น แต่โดยปกติแล้ว การทำหัตถการนี้จะสามารถเห็นผลได้ด้วยการฉีดเพียง 1-2 cc ค่ะ

เปรียบเทียบก่อนและหลังฉีด Filler แก้มส้ม

เปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังฉีด โดยหลังฉีด filler แก้มส้มแล้ว จะเห็นได้ว่าสัดส่วนของใบหน้าดูสมูทขึ้น ใบหน้าดูมีมิติ ดูอ่อนเยาว์ลงอย่างชัดเจน

การฉีด Filler แก้มส้มช่วยเสริมโหงวเฮ้งได้อย่างไร

ตามความเชื่อของชาวจีน คนที่มีแก้มอวบอิ่ม มีเนื้อแก้มเยอะ จะแปลว่าคนคนนั้นเป็นคนมีวาสนา ทำอะไรก็จะราบรื่นไม่มีติดขัด ยิ่งโหนกแก้มมีความเต็มอิ่มมากเท่าไหร่ ก็หมายถึงเงินทองจะยิ่งหลั่งไหลมามากเท่านั้น แต่เค้าโครงใบหน้าของคนเอเชียส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะแบน มีพวงแก้มเพียงเล็กน้อย ยิ่งอายุมากขึ้น พวงแก้มที่เคยมีก็จะยิ่งพร่องลงไปจากการที่กระดูกและชั้นไขมันในชั้นผิวยุบตัว ซึ่งถ้าอิงตามหลักความเชื่อ ใบหน้าลักษณะนี้จะเรียกว่าใบหน้าไม่มีวาสนา แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่โหนกแก้มยุบ แก้มตอบ หรือใบหน้าไม่มีมิติ สิ่งเหล่านี้จะส่งให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ดูโทรม และดูแก่กว่าวัย เลยเป็นเหตุผลที่คนสมัยก่อนใช้เปรียบเทียบว่าเป็นโหงวเฮ้งของคนไม่มีวาสนาค่ะ

ด้วยเหตุนี้ การฉีด filler แก้มส้มจึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งให้แก่ใบหน้า เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงด้านการเงิน โดยผลลัพธ์ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนคือ หลังทำใบหน้าจะดูเต็มอิ่ม ยกกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้ากลับมามีชีวิตชีวาและดูสดใสขึ้นอีกครั้งค่ะ

รีวิวจากคนไข้ที่มาใช้บริการ

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรีวิวการฉีด filler แก้มส้มจากคนไข้จริงที่มาใช้บริการกับด็อกเตอร์เมฆคลินิก คนไข้ส่วนใหญ่ต่างพึงพอใจในผลลัพธ์และให้เสียงตอบรับในทางเดียวกันว่าชอบมาก หลังเติมฟิลเลอร์แล้วหน้าดูเด็กลง ผิวดูกระชับ เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำอย่างชัดเจน ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจให้ด็อกเตอร์เมฆคลินิกของเราดูแลนะคะ ดูรีวิวจากคนไข้จริงที่นี่

ฉีด Filler แก้มส้มจะเป็นอันตรายไหม

สำหรับการฉีด filler แก้มส้ม แพทย์จะฉีดเข้าไปบริเวณช่วงกลางใบหน้าซึ่งเป็นส่วนที่ต้องใช้ความชำนาญสูงในการฉีด เนื่องด้วยแก้มส้มเป็นส่วนที่ติดกับโหนกแก้มที่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงค่อนข้างเยอะ การฉีดจึงจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการฉีดโดยเฉพาะ และที่สำคัญต้องใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ของแท้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นค่ะ

ดังนั้น หากมั่นใจว่าใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ตัวยาของแท้ ก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าการฉีดฟิลเลอร์จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ดีไหม

หากใครที่มีปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มเยอะ ผิวหน้าหย่อนคล้อย หรือมีปัญหาใบหน้าแบนขาดมิติ การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มก็นับเป็นวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างได้ผลเร็วและเห็นผลดี เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มชั้นผิวที่ดูตอบให้กลับมาอิ่มฟูขึ้น ทั้งยังช่วยยกกระชับทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงและเรียบเนียน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีงานวิจัยรองรับอีกด้วยว่าการฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของผิว จึงนับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีมาก ๆ วิธีหนึ่งค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มจะดูเป็นธรรมชาติไหม

หลายคนมีความกังวลใจว่า ฉีดไปแล้วมันจะเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติหรือทำให้หน้าดูอ้วนขึ้นไหม ซึ่งจริง ๆ มันไม่เป็นเช่นนั้นเลยค่ะ หากเติมเต็มในปริมาณที่เหมาะสม และฉีดถูกตำแหน่งก็จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นก้อน โดยตัวสารเติมเต็มมันจะเรียบเนียนไปกับผิวเลยค่ะ

การฉีด Filler แก้มส้มต้องใช้กี่ cc ถึงจะเห็นผล

โดยทั่วไป การฉีด filler แก้มส้มจะใช้ประมาณ 1-2 cc ก็สามารถเสริมแก้มให้โค้งสวย ปรับใบหน้าให้มีมิติขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ ปริมาณ cc ที่ใช้ฉีดก็จะแตกต่างออกไปตามปัจจัยส่วนบุคคลเช่นกัน ได้แก่

สภาพปัญหา

ผู้ที่มีสภาพผิวหย่อนคล้อย หรือมีปัญหากระดูกยุบ ชั้นไขมันยุบหนักมาก ก็จำเป็นต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์เยอะกว่าผู้ที่มีปัญหาผิวเพียงเล็กน้อย

จุดที่ฉีด

ในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์ว่าต้องการฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาตรงส่วนไหนร่วมด้วย หากฉีดหลายจุดก็จำเป็นต้องใช้ปริมาณ cc ที่เยอะขึ้น

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

ในช่วงก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม 3-7 วัน ควรเตรียมตัวดังนี้

  • งดวิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ เช่น วิตามินอี, น้ำมันตับปลา, ใบแปะก๊วย เพราะจะส่งผลต่ออาการบวมช้ำหลังฉีด
  • งดยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพรินและยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลยาก
  • งดการแว๊กซ์ผิวบริเวณที่ฉีด
  • งดทายาผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่จะฉีด
  • ในขั้นตอนซักประวัติ ควรแจ้งแพทย์เรื่องโรคประจำตัว ยาที่แพ้ ประวัติการทานยา รวมถึงสตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์เป็นพิเศษ

วิธีเช็คฟิลเลอร์ก่อนฉีด

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ตามมาตรฐานแล้วแพทย์ต้องแกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าตัวยาที่ฉีดเข้าหน้าเราเป็นตัวยาแกะใหม่ ไม่ได้ใช้ต่อจากใคร นอกจากนี้ สิ่งที่เราควรตรวจสอบเบื้องต้น คือ

  • กล่องฟิลเลอร์ต้องเป็นกล่องใหม่ ไม่มีรอยแกะ
  • ด้านหลังกล่องต้องมีป้ายภาษาไทยระบุว่า “ยาควบคุมพิเศษ”
  • ข้างกล่องต้องมีเลขล็อตสินค้า
  • ท้ายกล่องต้องระบุวัน เดือน ปีที่หมดอายุอย่างชัดเจน
  • ฉลากด้านในกล่องต้องเป็นภาษาไทย (หากเป็นภาษาอื่นนั่นหมายความว่าเป็นยาหิ้วหรือยาปลอม)
  • เลขล็อตสินค้าด้านนอกและด้านในกล่องต้องตรงกัน
  • ในกล่องต้องมีอุปกรณ์ครบพร้อมใช้งาน ซีลต้องปิดเรียบร้อยไม่มีรอยแกะ
  • ฟิลเลอร์ 1 หลอดต้องใช้สำหรับตัวเราเองเท่านั้น ไม่สามารถแบ่งให้คนอื่นฉีดร่วมได้

ขั้นตอนการฉีด

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาที่ต้องการแก้ไข และให้แพทย์ช่วยแนะนำรุ่นของสารเติมเต็มที่จะฉีด
  • ผู้ช่วยแพทย์ช่วยทำความสะอาดใบหน้า
  • แปะยาชา
  • เมื่อแปะยาชาจนครบกำหนดเวลา แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อเคส
  • หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำ และหลังจากนั้นสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น

ข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังหลังการฉีด

หลังฉีด สิ่งที่ควรทำคือ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีและคงอยู่กับเราได้นานที่สุด ซึ่งการปฏิบัติตัวหลังการฉีดที่คุณหมอหลายท่านแนะนำ สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด นวด สครับ ขยี้ในจุดที่ฉีด
  • ควรหลีกเลี่ยงอากาศร้อน ๆ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาบริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้ยุบบวมช้าลง
  • สามารถอยู่ในที่อากาศเย็นได้ เพื่อให้บริเวณที่ฉีดยุบบวมเร็วขึ้น
  • งดเลเซอร์ร้อนลงผิวชั้นลึกเป็นเวลา 1 เดือน
  • ในช่วง 3 วันแรกไม่ควรขยับผิวตรงจุดที่ฉีดบ่อย เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
  • หลีกเลี่ยงการให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการอบซาวน่า การทำอาหาร การกินหมูกระทะ ชาบู เพราะจะมีผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลต่อการอักเสบและอาการบวม เพราะจะมีผลให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ช้าและอยู่ได้สั้นลง ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด การสูบบุหรี่ อาหารหมักดอง อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารรสเผ็ดจัด และอาหารที่มีโซเดียมสูง

ผลข้างเคียงหลังฉีด

หลังฉีดอาจมีรอยเข็มเล็ก ๆ ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน และอาจมีอาการบวมหลังฉีด ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 7-14 วัน หลังอาการบวมยุบลงจนเป็นปกติ ฟิลเลอร์ก็จะเซ็ตตัวเข้าที่ ทำให้เห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้อย่างชัดเจนค่ะ

คำถามที่พบบ่อย

นอกจากข้อควรรู้ Filler แก้มส้มที่เราได้รวบรวมมาฝากอย่างละเอียดยิบ สำหรับคนที่สนใจอยากฉีด วันนี้เราก็ยังมีคำตอบของคำถามที่ถามกันเข้ามามาก สำหรับผู้ที่สนใจอยากเข้าใช้บริการ สำหรับใครที่กำลังมีข้อสงสัยสามารถหาคำตอบได้ด้านล่างนี้เลยค่ะ

ด้วยความที่การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ต้องใช้เข็ม หลายคนจึงเกิดอาการกลัวเจ็บขึ้นมา แต่ทุกคนไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะขั้นตอนก่อนฉีดฟิลเลอร์นั้นทางคลินิกจะมีการแปะยาชาให้อยู่แล้ว อีกทั้งสารเติมเต็มบางรุ่นยังมีการผสมยาชาอยู่ด้วย ดังนั้นคนไข้ส่วนใหญ่จึงแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลย อาจจะมีเพียงความรู้สึกเล็กน้อยตอนเข็มจิ้มเข้าสู่ผิวหนัง หรือรู้สึกได้ถึงตัวยาที่กำลังเดินเข้าสู่ผิว แต่เป็นความเจ็บเล็ก ๆ ในระดับที่ทนได้ค่ะ

ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่เลือกใช้ เทคนิคการฉีดของแพทย์ บริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดของเราค่ะ

ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด แต่นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์ 70-80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะคะ และหลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ที่สุด

อาการบวมหลังฉีด จะเป็นเพียงอาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด และสามารถหายได้เองภายในไม่กี่วันค่ะ

หลังฉีดจะมีอาการบวมเป็นปกติ โดยใน 24 ชั่วโมงแรก จะเป็นอาการบวมเข็มสามารถหายได้เองภายใน 3-7 วัน และหลังจากนั้นจะใช้เวลายุบบวมและเข้าที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์

อาการบวมหลังฉีดจะเป็นอาการบวมในบริเวณที่ฉีดเท่านั้น และเป็นอาการบวมเพียงเล็กน้อย จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้นค่ะ

หลังฉีดเสร็จจะใช้เวลาเข้าที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แตกต่างออกไปตามปัจจัยส่วนบุคคลค่ะ ซึ่งในระยะเวลานี้ ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ เซ็ตตัวจนกลืนกับผิว รวมถึงอาการบวมก็จะค่อย ๆ ยุบลงจนหายเป็นปกติ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

ถ้าให้แนะนำจริง ๆ อยากให้เว้นไปก่อนสัก 24 ชั่วโมง แต่ถ้าจำเป็นต้องแต่งจริง ๆ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่ควรละบริเวณรอยเข็ม ลงน้ำหนักมือบริเวณที่ฉีดให้เบา และต้องอย่าลืมล้างหน้าอย่างหมดจดหลังเสร็จธุระแล้วนะคะ

จำเป็นค่ะ ควรนอนหมอนสูงและงดนอนตะแคงในช่วง 3-4 วันแรก เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการกดทับหน้าจนทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูปค่ะ

ควรค่ะ เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี หลังฉีดในช่วง 4-5 วันแรก จึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์ขึ้นฟูสวย และทำให้ประสิทธิภาพของฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น

หลังฉีด อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นเวลา 3-14 วัน ได้แก่

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการสูบฉีดของเลือด ทำให้เกิดอาการยุบบวมช้าลง
  • อาหารเสริมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เช่น โสม, วิตามินต่าง ๆ, คอลลาเจน เป็นต้น เพราะมีผลให้เกิดรอยช้ำง่ายกว่าปกติ
  • อาหารเค็มจัดหรือมีโซเดียมสูง เพราะจะทำให้เกิดอาการบวมน้ำ
  • อาหารหน้าเตาร้อน ๆ เช่น ชาบู หมูกระทะ จิ้มจุ่ม เพราะจะมีผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์
  • อาหารหมักดองและอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะมีผลให้อาการบวมยุบช้าลงและอาจทำให้รอยเข็มอักเสบได้

ปัจจุบันยังไม่มีการทำวิจัยทางการแพทย์อย่างแน่ชัด เนื่องจากเป็นการผิดจริยธรรมทางการแพทย์ ดังนั้นคุณแม่มีครรภ์จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังและสูตินรีแพทย์ก่อนเข้าใช้บริการค่ะ

ฟิลเลอร์หิ้วเป็นยาปลอมที่มีการนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ฉีดค่ะ

ฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณแก้มส้มไม่ได้ทำให้หน้าบานค่ะ เนื่องจากเป็นการฉีดบริเวณหน้าแก้มให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและเติมร่องลึกให้ดูเต็มมากขึ้น จึงเป็นการปรับภาพรวมของใบหน้าให้ดูกระชับ ดูมีมิติสมส่วนขึ้น ไม่ได้เป็นการฉีดเพื่อขยายใบหน้าแต่อย่างใดค่ะ

หากมีผื่นคันหรืออาการผิวหนังอักเสบบริเวณที่จะฉีด แนะนำให้รักษาให้หายก่อนฉีดค่ะ

หากฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องและเลือกใช้ชนิดฟิลเลอร์ได้เหมาะสม โอกาสที่ฟิลเลอร์จะไหลก็แทบไม่มีเลยค่ะ หรืออีกในกรณีหนึ่งคือ การใช้ฟิลเลอร์ของปลอมหรือฟิลเลอร์ที่เสื่อมสภาพ อันนี้ไหลแน่นอน เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปเนื้อฟิลเลอร์ก็จะเริ่มไหลย้อยเป็นก้อนนั่นเองค่ะ

ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้จึงมีหลายคลินิกที่เปิดให้บริการ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นหัตถการที่ละเอียดอ่อนมากกว่านั้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ นับเป็นงานฝีมือแพทย์ที่ต้องอาศัยทั้งความชำนาญและประสบการณ์ แพทย์จำเป็นต้องเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคบนใบหน้า โครงสร้างสรีระวิทยาของร่างกายมนุษย์ มีศิลปะด้านการปรับรูปหน้า และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารเติมเต็มแต่ละรุ่นเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้การฉีดกับอาจารย์แพทย์ด้านฟิลเลอร์จึงได้เปรียบตรงที่สามารถมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดูดี ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดอีกด้วยค่ะ

ฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการที่ใช้สำหรับดูแลและแก้ไขปัญหาผิวโดยเฉพาะ ดังนั้นหากเรารักษากับแพทย์ผิวหนัง แพทย์ก็จะมีความแม่นยำในการวิเคราะห์สภาพผิว ประเมินปัญหา และหาแนวทางรักษาได้อย่างตรงจุดค่ะ

สาเหตุของการฉีดแล้วเป็นก้อนบวม อาจเกิดได้จากกรณีดังต่อไปนี้

  • การเลือกใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท เช่น การใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งมาฉีดบริเวณผิวชั้นตื้น เป็นต้น
  • การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เยอะเกินไป
  • เทคนิคการฉีดของแพทย์ เช่น การฉีดผิดชั้นผิว การเลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่ตรงกับบริเวณที่ใช้ฉีด เป็นต้น

โดยปกติแล้ว หลังฉีดจะมีอาการบวมเล็กน้อยเป็นปกติ สามารถยุบได้เองภายใน 7-14 วัน แต่เมื่อใดก็ตามที่หลัง 14 วันแล้ว อาการบวมไม่มีท่าทีจะยุบลง นั่นหมายถึงอาการก้อนบวมที่ไม่ปกติ ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดยาสลายฟิลเลอร์ (ในกรณีที่ฉีด HA Filler เท่านั้น) ซึ่งการฉีดสลายนี้ไม่เป็นอันตราย และสามารถทำให้ HA Filler ที่ฉีดเข้าไปสลายได้อย่างหมดจดค่ะ

วิธีป้องกันการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกฉีดฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการเลือกชนิดฟิลเลอร์ก่อนฉีด และทำหัตถการกับแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์เป็นอย่างดี เพียงแค่นี้ก็จะสามารถลดความเสี่ยงจากปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้ค่ะ

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นอีกหนึ่งในหัตถการสารเติมเต็มที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มเยอะจนทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย หลังฉีด Filler เข้าไปแล้วก็จะช่วยเติมเต็มใบหน้าดูเด็กลง หรือช่วยปรับให้ดูมีมิติมากขึ้น และยังสามารถช่วยในการยกกระชับใบหน้าได้ดีอีกด้วย ไม่ได้ทำให้หน้าดูอ้วนหรือบานขึ้นแต่อย่างใดเลยค่ะ สำหรับใครลังเลอยู่หรือต้องการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษา สามารถทักเข้ามาสอบถามเพิ่มเติม หรือส่งรูปภาพใบหน้ามาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินการรักษาได้ฟรี

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก นพ.วัชพล ธนมิตรามณี (คุณหมอเมฆ)​
นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์และหัตถการเสริมความงาม