ก้าวเข้าสู่ความอ่อนเยาว์ด้วย 9 เทคนิคพิชิตหน้าเด็ก

ไม่ว่าอายุจะเคลื่อนตัวไปไกลมากแค่ไหน แต่ใคร ๆ ต่างก็ปรารถนาที่จะมีใบหน้าแลดูมีความอ่อนเยาว์อยู่เสมอไม่แปรเปลี่ยนไปตามอายุ เพราะนอกจากจะทำให้เราดูมั่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่ส่องกระจกแล้ว เมื่อพบปะผู้คนก็คงได้รับคำชมด้านบวกมาไม่น้อย คงเป็นโมเมนต์ที่ดีต่อตัวเราสุด ๆ เลยใช่ไหมละคะ แต่เราจะมีวิธีการอย่างไรในการพิชิตใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย ปราศจากร่องรอยอันน่าหนักใจดีนะ

ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย

ไม่ว่าเราจะอยากบำรุงสุขภาพผิวส่วนไหนในร่างกาย หนึ่งในทริคที่มักจะถูกแนะนำขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ไม่พ้นการดื่มน้ำเป็นประจำ ดื่มให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะน้ำจะเข้าไปเลี้ยงหรือกระตุ้นส่วนต่าง ๆ และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เพื่อให้ผิวเราดูสุขภาพดี เต่งตึง เปล่งปลั่งมากขึ้น

ออกกำลังกายเพื่อผิวที่ดี

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายก็เพื่อที่จะได้หุ่นเป๊ะปัง แต่การออกกำลังกายก็สามารถช่วยให้ใบหน้าเราดูอ่อนเยาว์ได้เช่นกันนะคะ เพราะเวลาที่เราออกกำลังกายทำให้การสูบฉีดเลือดและการหมุนเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณของเราดูกระชับ สุขภาพดี ซึ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่อยากมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ควบคู่ไปกับสุขภาพร่างกายที่ดี

สะบัดแปรงด้วยเมคอัพ

ส่วนมากจะเป็นวิธีที่สาว ๆ ประทับใจสุด ๆ กับการเติมแต่งใบหน้าด้วยเครื่องสำอางหลากหลายชนิด แต่วิธีการแต่งหน้าพิชิตความอ่อนเยาว์ แนะนำว่าควรมีบลัชออนสีอมชมพูติดกระเป๋าไว้เลยค่ะ โทนเมคอัพส่วนมากจะเป็นโทนอ่อน ๆ แก้มดูอมชมพู แต้มสีปากเล็กน้อย ริ้วรอยต่าง ๆ กลบด้วยครีม หรือคอนซีลเลอร์ ไม่แต่งสีจัดจ้านหรือโบกครีมหนามากนัก แต่ตรงนี้เราขอแนะนำว่าควรใช้เครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับผิวของเราด้วยนะคะ

เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวหน้า

ควรใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอย มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินให้กับผิว ให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวที่พังลงจากปัญหาผิวเสื่อมสภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือถ้าเรามีปัญหาผิวหน้าส่วนใด ก็เลือกการบำรุงในส่วนนั้น หรืออาจจะเลือกการบำรุงเป็นเฉพาะจุด เพราะหากเราซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้โดยไม่สัมพันธ์กับสภาพผิว ผลที่ตามมาจะทำให้เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำหรือก่อให้เกิดสิวแพ้ขึ้นได้บนใบหน้า ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ วันเดือนปีที่หมดอายุ วิธีและปริมาณในการใช้อย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยต่อผิว

ใส่ใจการรักษาความสะอาดใบหน้า

ในแต่ละวันเรามักพบฝุ่นและมลภาวะมากมาย หลังจากที่เรากลับมาถึงที่พักแล้ว ควรล้างทำความสะอาดใบหน้าทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเชื้อโรคที่สามารถก่อภัยร้ายให้กับใบหน้าเราได้ ควรเช็ดเครื่องสำอางออกให้เกลี้ยง ใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวเราแล้วค่อย ๆ ชโลมเช็ดไปที่ใบหน้า ไม่ควรออกแรงเช็ดจนมากเกินไป เพราะผิวบริเวณนี้ค่อนข้าง Sensitive และอ่อนโยน หลังจากนั้นควรขจัดเชื้อโรคที่สะสมมาทั้งวันด้วยโฟมล้างหน้าอีกรอบ เช็ดหน้าด้วยผ้าสะอาด แต่อย่าลืมนะคะว่าในทุกขั้นตอนไม่ควรออกแรงกับผิวหน้าจนเกินไป

พักผ่อนให้เพียงพอและมีประสิทธิภาพ

นอนให้เพียงพอ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายเราได้ฟื้นฟูและหลั่งฮอร์โมนอย่างเต็มที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพื่อให้ผิวของเราดูสุขภาพดี หน้าใสขึ้น และการนอนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด คือ ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม ในระหว่างที่นอนควรหลับอย่างเต็มอิ่ม ไม่ตื่นกลางดึก และเมื่อตื่นมาแล้วรู้สึกสดใส ไม่ง่วงซึม ไม่เพลียระหว่างวัน สิ่งเหล่านี้แหละค่ะคือ การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ เท่านี้ก็จะทำให้ผิวของเราดูอ่อนเยาว์ และแก่กว่าวัยแล้วค่า

นวดใบหน้าทั้ง 8 จุด

การนวดหน้าช่วยลดริ้วรอย สร้างความกระชับให้ใบหน้าได้ค่ะ วิธีนี้เหมือนเป็นการนวดดีท็อกซ์ผิวอีกรูปแบบหนึ่ง ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งมากขึ้น ซึ่งบริเวณที่นวดจะมีด้วยกัน 8 จุดก็คือ บริเวณข้างสันจมูกทั้งสองข้าง บริเวณใต้จมูก บริเวณหางตา บริเวณหัวคิ้ว บริเวณคาง บริเวณมุมปาก บริเวณระหว่างคิ้วทั้งสองข้างและบริเวณโหนกแก้ม แต่ละจุดควรนวดประมาณ 15 – 20 ครั้ง และทำ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ขอแนะนำว่าไม่ควรนวดกดอย่างรุนแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ใบหน้าบอบช้ำ และเกิดริ้วรอยขึ้นมากกว่าขจัดริ้วรอยค่ะ

รู้จักการผ่อนคลาย

เพราะความเครียดเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของเราดูแก่กว่าวัย เกิดริ้วรอยได้ง่าย เพราะฉะนั้นการหาอะไรที่ผ่อนคลายใส่ตัวเรา เพื่อให้ลืมความเครียดเหล่านั้น หรือหากเราขจัดความเครียดออกไปได้เลยก็จะยิ่งเป็นผลดีค่ะ ซึ่งการผ่อนคลายอาจจะเป็นการหาสถานที่พักผ่อนที่ร่มรื่น ออกเดินทางไปท่องเที่ยว หาสิ่งใหม่ ๆ ทำ ดูภาพยนตร์เบาสมอง สถานที่ในบ้านก็มีส่วนต่อความรู้สึกได้เช่นกันค่ะ การจัดบ้านใหม่ให้ปลอดโปร่งร่มรื่นก็ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นได้ เมื่อเราได้รับความผ่อนคลายก็จะช่วยให้ใบหน้าของเราไม่ทรุดโทรม ดูดี สดใสมากยิ่งขึ้น

มะเขือเทศ เสกหน้างาม

มะเขือเทศมีสารอาหารมากมาย และยังมีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอย ลดเลือนความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ขาวใส ดูมีสุขภาพดี ซึ่งตัวมะเขือเทศสามารถนำมารับประทานหรือนำมาพอกไว้บนบริเวณใบหน้าได้เลยค่ะ บอกเลยว่าเจ้ามะเขือเทศเนี่ยเป็นตัวเอกที่ใคร ๆ ก็ต่างนึกถึงเมื่อพูดถึงผิวที่ดูสุขภาพดี

เมื่อเราทำได้ทั้ง 9 เทคนิค เราก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ บอกลาความเสื่อมโทรมของใบหน้า แต่จะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เห็นผลเลยปุ๊บปั๊บภายใน 1 สัปดาห์ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าหากเราใส่ใจและขยันที่จะทำมันไปเรื่อย ๆ รับรองว่าเห็นผลที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

แต่ !! ถ้าถามว่าบนโลกใบนี้จะมีวิธีไหนไหมที่สามารถเนรมิตใบหน้าเราให้ดูอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องรอเวลานานที่จะเห็นผลลัพธ์ บอกเลยว่ามีค่ะ ! นั่นก็คือ ฟิลเลอร์แก้มส้ม ซึ่งแก้มส้มในที่นี้หมายถึง ลักษณะช่วงพวงแก้มที่มีความโค้งนูนคล้ายกับผลส้ม จึงเรียกกันว่าแก้มส้มค่ะ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมหน้าแก้มให้ดูมีมิติ ดูอิ่มน้ำ มีสุขภาพดีทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของร่องแก้ม ร่องลึกหน้าแก้มต่าง ๆ ให้ดีขึ้นไปอีก บอกเลยว่าวิธีนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) หากรักษากับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญก็ยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นหลังทำเลยละค่ะ หากให้แนะนำคลินิกที่มีมาตรฐานอันยอดเยี่ยมในด้านฟิลเลอร์ ก็ต้องเป็น Doctor Mek Clinic โดยฝีมือการรักษาของคุณหมอเมฆ อาจารย์แพทย์ผู้มีประสบการณ์อย่างสูงด้านฟิลเลอร์ ที่สามารถวิเคราะห์ ประเมินปัญหาบนใบหน้าของคนไข้ และทำการแก้ไข ปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เรียกได้ว่าคุณหมอเมฆเป็นที่ขึ้นชื่อสุด ๆ ในแวดวงความงาม เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาด้านใดมากี่เคสต่อกี่เคสคุณหมอเมฆก็สามารถเนรมิตใบหน้าให้ดีขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง การันตีได้จากผู้ที่มาใช้บริการรวมไปถึงเหล่าดาราเซเลบริตี้คนดังที่เข้ามาพิสูจน์คุณภาพด้วยตัวเองถึงที่ หากใครสนใจสามารถเข้าไปดูรีวิวจากคนไข้จริง หรือเข้ามาขอคำปรึกษากับคุณหมอเมฆและทีมแพทย์ได้ที่ Doctor Mek Clinic เลยค่ะ