ทำความรู้จักกับความเครียด ภัยเงียบที่หลายคนอาจมองข้าม สู่ปัญหาผิวพังที่ลุกลาม

ทำความรู้จักกับความเครียด ภัยเงียบที่หลายคนอาจมองข้าม สู่ปัญหาผิวพังลุกลาม

.. ความเครียด ภัยเงียบที่ทำลายระบบต่าง ๆ ในร่างกาย แต่กลับกลายเป็นปัญหาที่ผู้คนมองข้าม .. หลายคนอาจจะเคยประสบปัญหาความเครียดจู่โจม เมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องอยู่ภายใต้ความกดดัน หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก ทั้งจากการทำงาน ปัญหาชีวิตที่รุมเร้า แต่หลายคนก็ยังชะล่าใจว่าแค่เครียดเดี๋ยวก็หาย คงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายมากนัก แต่รู้หรือไม่ว่านี่แหละคือตัวการสำคัญ ที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนภายในร่างกายมากมาย จนกลายเป็นความเครียดสะสม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงผิวพรรณที่เสื่อมโทรมลง เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็น ภัยเงียบ ได้เลยค่ะ แล้วความเครียดคืออะไร ? มีที่มาอย่างไร? ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกาย และมีวิธีการแก้ไขอย่างไร? วันนี้เรามีคำตอบค่ะ

ความเครียดคืออะไร

ในขั้นแรกเราควรรู้ก่อนค่ะ ว่าความเครียดเหล่านั้นคืออะไร มีอาการเป็นอย่างไร

ความเครียด คือ ภาวะทางอารมณ์ความรู้สึก หรือความคิดที่ต้องเผชิญอยู่กับปัญหาและสถานการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ วิตกกังวล กดดัน บีบคั้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านจิตใจ และด้านร่างกาย รวมไปถึงพฤติกรรมที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันด้วยค่ะ

ความเครียดเกิดขึ้นได้จากสาเหตุใดบ้าง

ความเครียดเกิดขึ้นได้จากสาเหตุใดบ้าง

ความเครียดที่มาจากการทำงาน เนื่องจากในชีวิตการทำงานก็ย่อมมีหลายสิ่งอย่างที่เราต้องรับผิดชอบ หรือมีงานที่ต้องให้ส่งทันวันเดดไลน์ ไม่แปลกเลยค่ะที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะแบกความกดดันและความเครียดเอาไว้ได้ง่าย หรือการหักโหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ในหัวคิดวนอยู่แต่เรื่องงาน แม้แต่วันหยุดที่ควรจะเป็นวันที่สมองและร่างกายเราได้รับการพักอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่หยุดคิดเรื่องงานจนสมองไม่ได้ผ่อนคลาย แน่นอนว่าความเครียดก็ยิ่งแทรกเข้ามาได้ง่าย ๆ เลยค่ะ

ความเครียดที่เกิดจากการขัดแย้ง ไม่ว่าจะมาจากการขัดแย้งในที่ทำงาน กับเพื่อนร่วมงาน การขัดแย้งกับคนรักหรือคนในครอบครัว จะมีปากเสียงกันมากน้อยแค่ไหน ก็ก่อให้เกิดความเครียดได้ และยิ่งหากว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำล่ะก็ ไม่เป็นผลดีกับสภาพจิตใจของเราอย่างแน่นอน

ความเครียดที่เกิดจากสภาพแวดล้อม เมื่อเราเดินทางไปที่ไหนแล้วต้องเจอกับสภาพแวดล้อมมลภาวะต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของฝุ่นควัน ความแออัดของผู้คน หรือรถยนต์บนท้องถนน กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากข้างทาง อากาศที่ร้อนอบอ้าว หรือแม้แต่เสียงดัง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นต้นตอปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเครียดขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ

ความเครียดที่มาจากตัวเราเอง ซึ่งอาจจะเกิดจากอุปนิสัยส่วนตัวของเรา เช่น การมีนิสัยคิดมาก วิตกกังวลในเรื่องยิบย่อย รู้สึกว่าตัวเองด้อยหรือต่ำต้อยกว่าผู้อื่น มีความกดดันในตัวเองมากเกินไป คิดเล็กคิดน้อยไม่ค่อยปล่อยวาง หรือการเก็บทุกเรื่องมาคิดหมด สิ่งเหล่านี้มักส่งผลต่อความเครียดได้เช่นกันค่ะ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อความเครียด ผู้คนส่วนใหญ่ก็เกิดภาวะความเครียดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนให้โทษต่อร่างกายของเราทั้งสิ้น และเราไปดูกันต่อเลยดีกว่าค่ะว่า ภัยเหล่านี้ส่งผลกระทบอะไรต่อเราบ้าง

ความเครียด ภัยเงียบที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก

ความเครียด ภัยเงียบที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก

ส่งผลต่อพฤติกรรมและสภาพจิตใจ เมื่อมีความเครียดเข้าแทรกซึมในร่างกายแล้ว จะส่งผลต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป บางคนก็กลายเป็นคนที่เคร่งเครียด อารมณ์ไม่มั่นคง โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย อาจนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวต่อผู้อื่น หรือบางคนก็เกิดความวิตกกังวลอย่างไร้เหตุผล ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง หรือบางรายที่มีอาการหนักอาจถึงขั้นเกิดภาวะของโรคซึมเศร้าได้เลยค่ะ

ส่งผลต่อด้านร่างกาย แน่นอนเลยว่าภาวะความเครียดนั้นมีผลต่อร่างกายอย่างมหาศาลเลยค่ะ ยิ่งเครียดมากก็ยิ่งก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคไมเกรน โรคเครียดลงกระเพาะ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคนอนไม่หลับ ฯลฯ แต่ทั้งนี้ภาวะความเครียดก็ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ภายในร่างกายของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงภายนอกนั่นก็คือ ใบหน้า ผิวพรรณของเรานั่นเอง ยิ่งโดยเฉพาะดวงตาที่หากไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอตามที่ร่างกายควรจะได้รับแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอยตามมา ขอบอกเลยค่ะว่าความเครียดไม่ใช่เรื่องธรรมดา ๆ อย่างที่หลาย ๆ คนชะล่าใจเลยนะคะ

วิธีการแก้ไข ทำอย่างไรให้สุขภาพกลับมาดีและมีผิวที่กลับมาสวยปัง

วิธีแก้ไขทำอย่างไรให้สุขภาพกลับมาดี และมีผิวที่กลับมาสวยปัง

เราเชื่อว่าหลายคนอาจกำลังประสบปัญหาความเครียดอยู่ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร แต่ปัญหาเหล่านี้ยังเป็นอุปสรรคต่อการทำงานและการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ซึ่งคงไม่มีใครอยากจมอยู่กับปัญหาเหล่านี้ไปตลอดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเรามาดูวิธีจัดการฟื้นฟูตัวเองตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกกันดีกว่าค่ะ เพื่อสุขภาพจิตใจ ร่างกาย และผิวพรรณที่ดี

เริ่มจากการฟื้นฟูสภาพจิตใจและสภาพแวดล้อม เมื่อมันเกิดขึ้นจากภาวะภายในจิตใจ เราก็ควรที่จะเข้ามาซ่อมแซมแก้ไขในจุดนี้ก่อน การแก้ไขที่ดีในอันดับแรกคือ เราควรรู้ถึงสาเหตุความเครียดของเราว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุและรู้จักความเครียดเหล่านั้นแล้ว เราก็ต้องมาแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ และเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเพื่อบรรเทาความเครียดให้ลดลง อาจจะเป็นการหาอะไรสนุก ๆ ทำ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง ดูภาพยนตร์ ทำงานอดิเรกที่ชอบ หรือพบปะผู้คนสร้างเสียงหัวเราะให้กับตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเราจมอยู่กับความเครียดเป็นเวลานาน ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในบ้านหรือที่อยู่อาศัยให้ดูน่าอยู่มากขึ้น โดยอาจจะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ต่อมาคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติของเราให้ดีขึ้น ไม่ยึดติด ไม่กดดันชีวิตตัวเองมากเกินไป รู้จักการผ่อนคลาย สร้างอารมณ์ขันให้กับตัวเอง มองโลกในแง่ดีและต้องมองตัวเองในแง่ดีด้วยค่ะ

อย่าลืมที่จะดูแลตัวเอง เพราะภาวะความเครียดเป็นภัยต่อร่างกายมากที่สุด ดังนั้นการหันมาดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำไม่ต่างจากการฟื้นฟูสภาพจิตใจและสภาพแวดล้อมเลยค่ะ ซึ่งเราต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่มีประโยชน์ ให้ถูกหลักโภชนาการ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น หรือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อสุขภาพที่ดีปราศจากโรค นอกจากนี้สิ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามไปนั่นก็คือ การดูแลผิวค่ะ ในช่วงที่เรามีสภาวะความเครียดครอบงำ ทำให้เราพักผ่อนน้อย นอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลเสียต่อผิวรอบดวงตาด้วยค่ะ วิธีฟื้นฟูก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการมาส์ก การสครับ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิวใต้ตา สูตรที่ใช้ควรเป็นสูตรอ่อนโยน เพราะผิวในบริเวณนี้บอบบางมากกว่าส่วนอื่นบนใบหน้า เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยถนอมผิวใต้ตาให้ดูดีมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาสักหน่อย เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะฟื้นฟูให้กลับมาสุขภาพดีได้โดยเร็วเลยค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการรวบรวมทั้งสาเหตุและวิธีการจัดการกับปัญหาที่เรานำมาฝากให้ทุก ๆ คนได้ลองสังเกตตัวเอง หากใครที่กำลังคิดว่าตัวเรากำลังเข้าสู่สภาวะดังกล่าว ลองนำวิธีที่เราได้นำเสนอไปปรับใช้ดูได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสภาพจิตใจของตัวเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อม รวมไปถึงการกลับมาดูแลสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกอย่างปัญหาผิวรอบดวงตา หากเราเรียนรู้และนำไปปรับใช้อย่างถูกวิธีก็จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาสุชภาพผิวใต้ตาเสื่อมโทรม

ในยุคสมัยนี้มีนวัตกรรมดี ๆ เข้ามาให้เราได้เลือกใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพผิวมากมาย วันนี้เราเลยคัดสรรทางเลือกสุดเริ่ดนั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพผิวใต้ตาเสื่อมโทรม ไม่ว่าจะรอยคล้ำ ริ้วรอย ความหย่อนคล้อยใต้ตา อันเกิดมาจากปัจจัยต่าง ๆ ก็สามารถหายได้ในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยนะคะ แต่หลายคนที่เคยได้สัมผัสนวัตกรรมนี้แล้วต่างก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเริ่ดที่สุด ปังที่สุด และคุณหมอที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ในแวดวงความงามมากที่สุดก็คือ คุณหมอเมฆจาก Doctor Mek Clinic แพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์ ผู้มีประสบการณ์มากว่า 10 ปี และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสูงในการรักษาคนไข้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาบนใบหน้า ประเมิน แก้ไขได้อย่างแม่นยำและตรงจุด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยเขียว ไม่มีรอยช้ำ หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น Home of Filler คลินิกแถวหน้าของประเทศไทยที่ดาราชั้นนำไว้วางใจ ที่ใคร ๆ ก็แนะนำและยืนยันถึงผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจริงหลังทำ เป็นธรรมชาติ และปลอดภัย

เว็บไซด์ bestfillerclinic.com เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก