พามาแนะนำ Belotero ชื่อดังจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มาพร้อมกับกระบวนการผลิตเฉพาะ ทำให้สารเติมเต็มมีความเรียบเนียน กลืนไปกับผิวได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ มีคุณสมบัติเฉพาะรุ่นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เหมาะกับทุกสภาพผิว เห็นผลเร็วในราคาที่คุ้มค่า สำหรับใครที่กำลังมองหาสารเติมเต็มยี่ห้อที่ได้คุณภาพและผ่านการรับรองจากอย.ไทย เบโรเทโร่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถมอบผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อย่างปลอดภัย แต่ก่อนจะไปฉีด เรามาทำความรู้จักกับยี่ห้อนี้ให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ
ที่มาของ Belotero Filler คืออะไร
Belotero Filler คือ ยี่ห้อสารเติมเต็มที่มี Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารประกอบหลัก นำเข้ามาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้บริษัท Merz Aesthetic และผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ ทำให้ได้สารเติมเต็มที่มีความเรียบเนียน กลืนกับผิวได้ดี ตอบโจทย์ทุกการแก้ไขและทุกสภาพผิวได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ทางแบรนด์ก็ยังมีสารเติมเต็มให้เลือกอีกหลายรุ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด
Belotero ฉีดแล้วช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ช่วยเติมเต็มจุดที่มีริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียน
- ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน มีมิติมากขึ้น
- ช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เพิ่มความชุ่มชื้น
- ช่วยเติมเต็มบริเวณคางให้ดูเรียวยาวรับกับใบหน้า
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยแก้ไขความหมองคล้ำ ร่องใต้ตา ถุงใต้ตาให้ดีขึ้น
Belotero เหมาะกับใคร
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน ดูอ่อนเยาว์ลง
- เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า ทำให้หน้าดูโทรม แก่กว่าวัย
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม หรือได้รูปทรงที่ต้องการ
- เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางบุ๋ม คางสั้น ต้องการปรับรูปคางให้เรียวยาวขึ้น
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าเพื่อเสริมโหงวเฮ้ง
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลเร็ว ไม่มีเวลาพักฟื้น
Belotero แต่ละสี มีทั้งหมดกี่รุ่น แต่ละรุ่นควรฉีดจุดไหนดี
สำหรับสารเติมเต็มยี่ห้อเบโรเทโร่ มีแยกรุ่นออกมาหลากหลายรุ่น เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละจุด โดยมีทั้งรุ่นที่เหมาะสำหรับนำมาเติมเต็มผิวบริเวณที่มีร่องลึก หรือรุ่นที่เหมาะสำหรับนำมาเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ และยังมีรุ่นที่นำมาใช้ในการฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติของแต่ละรุ่นจะมีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
Volume – กล่องม่วง
เบโรเทโร่กล่องสีม่วงนี้ เป็นสารเติมเต็มที่มีเนื้อเจลให้ความยืดหยุ่นและความคงตัวสูง และสามารถยึดเกาะกับชั้นผิวได้เป็นอย่างดี เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว โอกาสเป็นก้อนต่ำ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ จึงถูกนำมาใช้ในการปั้นรูปทรง หรือฉีดในผิวชั้นลึกบนใบหน้าบริเวณที่มีความซูบตอบ เพื่อให้ผิวดูมีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น
เหมาะสำหรับ : ฉีดเติมเต็มบริเวณคาง ขมับ แก้มตอบ แก้มส้ม
ผลลัพธ์ : อยู่ได้นาน 18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
Intense – กล่องชมพู
มาต่อกันที่กล่องสีชมพูเข้มรุ่นนี้ ตัวเนื้อเจลจะมีความหนาแน่นสูง และยึดเกาะกับผิวได้ดี เป็นรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชารวมอยู่ด้วย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ เหมาะสำหรับนำมาแก้ไขผิวที่มีการยุบตัวลง บริเวณที่มีการขยับใบหน้าบ่อยจนเกิดเป็นริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า โดยหลังฉีดแล้ว จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
เหมาะสำหรับ : ฉีดร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก หรือนำมายกกระชับใบหน้า
ผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
Soft – กล่องเหลือง
มาที่รุ่นซอฟต์กล่องสีเหลืองกันบ้าง รุ่นนี้เป็นรุ่นฮิตของยี่ห้อนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยคุณสมบัติที่มีเนื้อเจลให้ความละเอียดและมีโมเลกุลขนาดเล็ก เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว สารเติมเต็มจะเข้าไปกลืนกับผิวได้เป็นเนื้อเดียวและเรียบเนียน มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ยังเป็นรุ่นที่มีส่วนผสมของยาชารวมอยู่ด้วย
เหมาะสำหรับ : ฉีดใต้ตา รอยตีนกา ริ้วรอยบริเวณหน้าผากหรือบริเวณรอบริมฝีปาก
ผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
Balance – กล่องส้ม
สำหรับกล่องสีส้มรุ่นนี้ จะมีเนื้อเจลที่ให้ความนิ่มในระดับปานกลาง และให้ความละเอียดรองลงมาจากรุ่น Solf (กล่องสีเหลือง) มันจึงถูกนำมาใช้ในการเติมเต็มร่องลึกระดับปานกลาง จัดการหลุมสิวหรือริ้วรอยให้ตื้นขึ้น และนำมาฉีดเพื่อลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาได้อีกด้วย
เหมาะสำหรับ : ฉีดใต้ตา รอยตีนกา ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือเติมริมฝีปากได้ทรงสวย
ผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
Revive – กล่องเขียว
สายงานผิวห้ามพลาด! เพราะรุ่น Belotero revive เป็นสารเติมเต็มสำหรับงานผิวตัวแรกของโลกที่นำเอา Hyaluronic Acid + Glycerol นำมาไว้ด้วยกัน แน่นอนว่าคุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้ก็คือ การซ่อมแซมเซลล์ผิว มอบความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูง รูขุมขนกระชับ จัดการริ้วรอยแห่งวัย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ หรือเป็นการปรับคุณภาพผิวให้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
เหมาะสำหรับ : คนที่มีปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ หรือผิวขาดความกระชับ พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ทำให้ผิวหน้าโดยรวมดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 7-9 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
Lips – กล่องแดง
และ 2 รุ่นสุดท้ายที่เรียกได้ว่าถูกพูดถึงเป็นวงกว้างเลยทีเดียว เพราะเป็นรุ่นที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ มีโมเลกุลที่หนาแน่นและมีความยืดหยุ่น เนื้อเจลค่อนข้างละเอียด ฉีดไปแล้วไม่เป็นก้อน และกลืนกับผิวได้ดี มีความเรียบเนียนสูง โดย Belotero lips ภายใน 1 เซตจะมาพร้อมกัน 2 รุ่นนั่นก็คือ
Lips shape – เหมาะสำหรับนำมาเติมวอลลุ่ม หรือเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก
Lips contour – เหมาะสำหรับนำมาจัดแต่งทรงปาก หรือนำมาเพิ่มความคมชัดบริเวณขอบปาก
ผลลัพธ์ : อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน (*ผลการรักษาขึ้นอยู่กับรายบุคคล)
ยี่ห้อ belotero กับ juvederm แตกต่างกันอย่างไร
แน่นอนว่าเป็นหัตถการที่นำมาฉีดเพื่อเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีร่องลึก หรือแก้ไขปัญหาผิวตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า แต่ในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อผลิตออกมาให้เลือกหลายรูปแบบ จนหลายคนก็เกิดข้อสงสัยว่าในแต่ละยี่ห้อนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง หรือควรฉีดยี่ห้อไหนดี เราก็เลยจะมาเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง 2 ยี่ห้อดังว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกันอย่างไร
ซึ่งทั้ง 2 ยี่ห้อ ล้วนให้ข้อดีที่แตกต่างกันออกไป และถ้าถามว่าฉีดยี่ห้อไหนดีกว่ากัน ตรงนี้ก็จะต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินอย่างละเอียดอีกครั้งว่า สภาพผิวที่เกิดขึ้นกับคนไข้ในแต่ละเคสนั้น เหมาะที่จะใช้สารเติมเต็มยี่ห้อใดและรุ่นไหน เนื่องจากโมเลกุลในแต่ละรุ่นของแต่ละยี่ห้อมีความหนาแน่นที่แตกต่างกัน ดังนั้น แนะนำว่าให้เข้าไปปรึกษาและพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนค่ะ
การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
- ก่อนทำหัตถการ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาต้านการอักเสบ
- ก่อนทำหัตถการ 2 สัปดาห์ ควรงดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ขิง กระเทียม หรือใบแปะก๊วย เป็นต้น
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นเวลา 1-3 สัปดาห์ก่อนใช้บริการ
- ไม่แนะนำให้แต่งหน้าเข้ามารับบริการ เนื่องจากว่าก่อนฉีดจะมีการทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่ทำ
- ใครที่มีประวัติการแพ้ยาชา มีโรคประจำตัว หรือแพ้ยาอื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการอย่างละเอียด
การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
- หลังฉีด 24 ชั่วโมง งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัวได้
- ไม่แนะนำให้ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้สารเติมเต็มกระจายตัว
- แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อให้สารเติมเต็มมีความอิ่มฟูและอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือการเผชิญกับความร้อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 pa+++
- สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
วิธีเช็ก Belotero แท้ดูตรงไหน
ด้วยความที่ในปัจจุบันมีสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐานยังคงปะปนอยู่ในคลินิกเสริมความงาม และมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อกับของที่ไม่มีคุณภาพเหล่านั้น เราจึงจะพามาดูวิธีการเช็คของแท้ว่ามีจุดไหนบ้างและควรดูอย่างไร เพื่อให้เกิดความสบายใจและเพื่อความปลอดภัยต่อทุกการรักษา
- ทุกกล่องที่ฉีดจะต้องไม่มีร่องรอยการแกะ
- ทั้งด้านนอกและด้านในกล่องจะต้องมีเลข Lot. ที่ระบุอย่างชัดเจนและตรงกันทุกจุด
- ตัวกล่อง ขวด และสติกเกอร์ จะมีการระบุวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุอย่างชัดเจน
- มีเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขขึ้นทะเบียนจาก อย. อยู่ภายในกล่อง
นอกจากนี้ คลินิกไหนที่นำเข้าผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มยี่ห้อเบโรเทโร่ จากบริษัท Merz Aesthetic Thailand ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่หน้าเว็บไซต์ MERZ AESTHETICS ใส่ชื่อคลินิกที่เราต้องการค้นหา หากคลินิกนั้นนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ก็จะเจอรายชื่ออยู่ภายในเว็บไซต์นั่นเองค่ะ
ฉีดที่ด็อกเตอร์เมฆคลินิกดีอย่างไร
ด็อกเตอร์เมฆคลินิกรักษามาตรฐานการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากอย.ไทยและต่างประเทศทุกยี่ห้อ ผสานเข้ากับการใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะ (Triple Layers Lift) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเฉพาะทาง ทำให้ทุกการรักษาได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ เป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เป็นธรรมชาติและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้จริงที่เข้ามาใช้บริการ รวมไปถึงเหล่าดาราเซเลบริตี้ชื่อดังของเมืองไทย จนได้รับฉายาว่า ‘หมอของดารา’ พร้อมยืนยันประสิทธิภาพด้วยรางวัลระดับประเทศและเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น
- รางวัลอันดับ 1 คลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดในเอเชีย
- รางวัลอันดับ 1 Single Clinic ที่มียอดฉีดฟิลเลอร์สูงสุดรวมทุกแบรนด์ในประเทศไทย 6 สมัยซ้อน (ปี 2018-2023)
ฉีด Belotero ราคาเท่าไหร่
การทำหัตถการ Belotero ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,900 บาท* โดยในแต่ละเคสก็จะมีค่าบริการที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับรุ่นที่ฉีด ปริมาณที่ใช้ ตำแหน่งที่ทำการรักษาว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหน เช่น บางเคสมีปัญหาร่องแก้มค่อนข้างลึก หรือต้องการเติมเต็มริมฝีปากให้ดูหน้าอวบอิ่มแบบสาวสายฝอ ก็จะต้องใช้ปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ค่าบริการก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนทำหัตถการแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้อีกครั้งแบบรายบุคคล คนไข้สามารถพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการได้เลยค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
หลังฉีดยี่ห้อนี้กี่วันถึงจะเห็นผล
สารเติมเต็มทุกยี่ห้อหลังฉีดไปแล้ว จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลยทันที*ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด เช่น บริเวณใต้ตาจากที่เคยมีร่องลึกหรือความหมองคล้ำ เมื่อฉีดไปแล้วใต้ตาก็จะดูสดใสขึ้น ร่องใต้ตาดูตื้นขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นแค่ 70-80% เท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเข้าที่ ก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ
หลังฉีดจะเกิดผลข้างเคียงอะไรไหม
หลังฉีดสารเติมเต็มเข้าไปแล้ว ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ก็คือ อาการบวม แดง หรือคันบริเวณที่มีรอยเข็ม ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นอยู่ประมาณ 7-14 วันเท่านั้น เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปสำหรับคนที่เข้ามาใช้บริการฉีดทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายและเซลล์ใต้ชั้นผิวอย่างแน่นอนค่ะ หากใครที่มีความกังวลใจก็สามารถปรึกษาแพทย์ หรือใช้การประคบเย็น รับประทานยาแก้ปวด ลดบวม ตามที่แพทย์แนะนำ
แต่สำหรับเคสที่ฉีดเข้าไปแล้วเกิน 14 วัน ยังมีอาการบวมอย่างต่อเนื่อง หรือสารเติมเต็มที่ฉีดไปแล้วเกิดไหลเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน อาการนี้อาจเกิดได้จากความไม่ชำนาญของแพทย์ที่มีการใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม หรือมีการใช้รุ่นและปริมาณไม่พอดีกับตำแหน่งที่ฉีดเลย ดังนั้น วิธีแก้คือกลับเข้ามาพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ทำการฉีดสลายออกได้เลยค่ะ
ขณะฉีดจะรู้สึกเจ็บไหม
บางคนอาจจะรับรู้ความรู้สึกเจ็บได้แตกต่างกัน แต่สำหรับใครที่ถามว่า ถ้ากลัวเข็มหรือกลัวเจ็บฉีดได้ไหม อยากบอกว่าฉีดได้เลยค่ะ เพราะว่าสารเติมเต็มยี่ห้อนี้ ในบางรุ่นก็มีส่วนผสมของยาชารวมอยู่ด้วย และก่อนทำการฉีดก็จะมีการแปะยาชาทิ้งไว้บนผิวหน้าประมาณ 30-45 นาที ดังนั้น มันจึงช่วยลดอาการเจ็บขณะฉีดได้ดีเลยทีเดียวค่ะ
ฉีดยี่ห้อนี้จะเป็นอันตรายไหม
หากฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยแพทย์ที่มีความรอบรู้ มีประสบการณ์ ก็จะมีความปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอนค่ะ เนื่องจากสารเติมเต็มยี่ห้อนี้ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานรับรอง และขึ้นทะเบียนจาก อย.ไทย อเมริกาและยุโรป นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นสารเติมเต็มคุณภาพสูงที่ได้รับรางวัลความงามจากยุโรปถึง 2 รางวัลเลยทีเดียว
สรุป
Belotero เป็นสารเติมเต็มยี่ห้อดังที่นำเข้ามาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่หลายคนมักเรียกกันว่า Colorfull Filler ด้วยสีกล่องที่ค่อนข้างหลากหลายและสะดุดตา แถมยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ไม่ว่าจะนำมาเติมเต็มผิว ฟื้นบำรุงผิว ปรับรูปหน้า หรือปรับเปลี่ยนริมฝีปาก ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ หากใครสนใจการฉีด Filler สามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือให้แพทย์ช่วยประเมินใบหน้าเบื้องต้นได้ฟรี
