การสักปากดียังไง ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการสักปาก

เมื่อนึกถึงปัญหาปากคล้ำ หลายคนก็จะนึกถึงนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูปัญหาเหล่านี้นั่นก็คือ สักปาก แล้วทุกคนรู้หรือไม่ว่าการสักปากช่วยในเรื่องอะไร มีวิธีการทำอย่างไร มีข้อดีข้อเสียของการสักปากอย่างไร วันนี้เราจะมาอธิบายถึงการสักปากเพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน นำไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจค่ะ

การสักปาก คือ การใช้อุปกรณ์ที่เป็นเข็มขนาดเล็กฝังสีเข้าไปที่ชั้นผิวริมฝีปาก เพื่อลดปัญหาปากคล้ำและให้ริมฝีปากมีสีฉ่ำตามความพึงพอใจ ซึ่งสีที่ใช้ฝังก็มีให้เลือกหลากหลายเฉดไม่ว่าจะเป็นเฉดสีชมพู แดง หรือโทนสีส้ม ซึ่งการสักปากควรทำกับผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

การสักปากจะแก้ปัญหาริมฝีปากซีดคล้ำ ไม่ว่าจะเป็นการคล้ำที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันของเรา หรือแม้กระทั่งการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งการสักปากก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้ริมฝีปากของเรากลับมาเป็นสีชมพูฉ่ำระเรื่อได้ดั่งใจต้องการ

การเตรียมความพร้อมก่อนสักปากเป็นสิ่งสำคัญ เราควรที่จะศึกษาวิธีการแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งวันนี้เราก็นำลิสท์คร่าว ๆ มาให้ทุกคนได้เช็คและเตรียมความพร้อมก่อนไปสักปากกันค่ะ

• ควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการสักปาก รวมไปถึงเช็คสถานที่หรือคลีนิกที่ดูน่าเชื่อถือให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจ
• เตรียมแบบหรือหา reference และเฉดสีที่เราต้องการจะสัก
• หมั่นดูแลรักษาริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นอยู่สม่ำเสมอประมาณ 1–2 สัปดาห์ก่อนไปสัก เพื่อให้การฝังสีนั้นง่ายขึ้น
• รับประทานอาหารก่อนไปสักให้เรียบร้อย เพราะขั้นตอนในการสักปากจะค่อนข้างใช้เวลานาน และหลังรับประทานอาหารเสร็จควรแปรงฟันเพื่อให้ปากของเราสะอาดไม่ให้มีเศษอาหารติด
• งดทานอาหารเสริมรวมไปถึงสมุนไพรต่าง ๆ ทุกชนิดก่อนไปสักปากประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ลดประสิทธิภาพของยาชาและสีติดน้อยลง

ขั้นตอนแรกเมื่อไปถึงให้เราบอกความต้องการกับช่างเรื่องของเฉดสีและรูปทรงปากที่เราต้องการ หลังจากนั้นช่างจะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30–45 นาที แล้วแต่ประสิทธิภาพของยาชา หลังจากยาชาออกฤทธิ์แล้วช่างจะวาดรูปทรงปากและลงมือสัก ซึ่งในระหว่างการสักหากเรามีอาการเจ็บสามารถบอกช่างให้เพิ่มยาชาลดอาการเจ็บได้เลย เมื่อสักเสร็จต้องทำความสะอาดริมฝีปากและบ้วนปากให้เรียบร้อย

ในช่วงหลังการสัก หากมีอาการปวดหรือตึงริมฝีปากสามารถทานยาพาราเพื่อลดอาการปวดได้ และในช่วง 7 วันแรก หลังการสักควรหมั่นบำรุงริมฝีปากอยู่เป็นประจำ ใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพื่อกระตุ้นการสมานแผลได้ดี อาจจะใช้เป็นวาสลีนหรือลิปบาล์มเพื่อทำให้ผิวปากมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และเลี่ยงการโดนแสงอาทิตย์ เพราะแสง UV จากดวงอาทิตย์ทำให้ผิวปากที่เพิ่งลอกกลับมาคล้ำขึ้นได้มากกว่าเดิม เลี่ยงการทานอาหารรสจัดหรือของหมักของดองเพื่อป้องกันไม่ให้ปากของเราเกิดการอักเสบ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วควรเช็ดทำความสะอาดริมฝีปาก ใช้น้ำเปล่าหรือน้ำเกลือในการทำความสะอาด และที่สำคัญเลย ไม่ควรดึงหรือฉีกผิวปากที่ลอกเป็นขุย และไม่ควรเลียริมฝีปากเด็ดขาด หมั่นตรวจเช็คอาการหลังสักปากว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชเพื่อรับยามาทานตามอาการ

• ไม่ควรสักปากในช่วงที่ริมฝีปากมีแผล หรือในช่วงที่ริมฝีปากลอกเป็นแผ่นขุย เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งยังทำให้การสักไม่มีความสม่ำเสมอ หากเราไม่ได้บำรุงรักษามันเสียก่อน
• สำหรับคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ พักผ่อนน้อย มีความเครียด อาจทำให้มีผลข้างเคียงนั่นก็คือ เป็นเริม นั่นเอง หรือคนที่เคยเป็นเริมอยู่แล้วควรทานยาต้านไวรัสเริมไว้ด้วยค่ะ
• ข้อนี้สำหรับสาว ๆ นั่นก็คือ ไม่ควรสักปากในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะช่วงที่มีประจำเดือนนั้นจะมีความ sensitive ง่าย เราจึงอยากให้สาว ๆ เว้นช่วงที่มีประจำเดือนไว้ก่อนค่ะ
• สำหรับสตรีมีครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือคนที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ไม่แนะนำให้สักนะคะ

ซึ่งการสักปากสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ส่วนมากจะเป็นที่นิยมให้หมู่สาว ๆ มากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าการสักปากเป็นอีกหนึ่งทางออกในเรื่องของการแก้ปัญหาริมฝีปากคล้ำได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการสักปากก็ยังมีข้อเสียอยู่หลายประการ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั่นก็คือ อาจจะต้องใช้เวลานานจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน เพราะหลังการสักบริเวณริมฝีปากจะเกิดการลอก หากไม่เช็คหรือหมั่นดูแลเป็นประจำก็อาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงหลังการสักค่อนข้างเยอะ หากใครต้องการปรับริมฝีปากโดยไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลนาน เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถปรับเปลี่ยนสีปากของคุณได้ดั่งใจ เราแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกนั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก อีกหนึ่งในนวัตกรรมที่จะช่วยเสกริมฝีปากคล้ำไม่น่ามองให้กลับมาสวยฉ่ำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และการฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ได้ช่วยแค่ปรับสีผิวปากเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสมดุลให้ริมฝีปากมีความสวยเป็นธรรมชาติ มีน้ำมีนวล ไม่เกิดผลข้างเคียงกับริมฝีปากอีกด้วย การฉีดฟิลเลอร์ปากก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง choice ที่ดีสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจแก้ไขปัญหาริมฝีปากค่ะ